สกรีนดิจิตอลทั้ง 3 แบบ

ที่กำลังมาแรงในปี 2023 (DFT, DTG, DTF)

      สกรีนดิจิตอลทั้ง 3 แบบ อย่าง DFT (Digital Film Transfer), DTG (Direct To Garment) และ DTF (Direct To Fabric) ถูกออกแบบมาให้มีความคล้ายที่แตกต่างกัน โดยจะมีลักษณะที่โดดเด่นของแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป

      ประเภทของสกรีนดิจิตอลทั้ง 3 และลักษณะเด่น

      ในเมื่อถูกออกแบบมาถึงสามแบบ เชื่อว่าท่านคงอยากรู้ว่าสกรีนดิจิตอลแต่ละอย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ทางคิวท์บิกซ์จึงได้รวบรวมข้อมูลมา ดังนี้

     DFT หรือ Digital Film Transfer

     รูปแบบของการพิมพ์ชนิดนี้คือจะใช้กระบวนการพิมพ์แบบหมึก ประกอบด้วยสีน้ำเงิน สีแดง สีเหลือง สีดำ หรือที่รู้จักกันดีว่า CMYK และ สีขาว (W) ลงบนฟิล์ม ซึ่งเป็นฟิล์มใสเปล่าๆ โดยราคาต้นทุนจะถูกมาก หลังจากที่ทำการพิมพ์หมึกลงไปบนฟิล์มเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการโรยผงกาว ซึ่งเป็นผงกาวที่ใช้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอโดยตรง เป็นกาวที่ยึดติดกับยึดบนผ้าต่างๆ เมื่อทำการโรยผงกาวเรียบร้อย ก็ทำการอบด้วยความร้อนที่เหมาะสม

     พอพิมพ์ฟิล์ม DFT เสร็จเรียบร้อย ก็ถึงกระบวนการรีด เราก็จะนำเอาเจ้าฟิล์มที่พิมพ์เสร็จนั้นมารีดติดบนเสื้อ โดยจะใช้ความร้อนประมาณ 170-180 องศาเซลเซียส และใช้เวลาประมาณ 10-15 วินาที ก็ทำการลอกฟิล์มออกมาได้ หลัจากนั้นก็นำหมึกที่เราปริ้นลงบนฟิล์มโดยมีผงกาวโรย และหลอมละลายอยู่ด้านหลังตัวหมึกนั้น ก็ติดยึดลงไปในเนื้อผ้า (เน้นย้ำเลยว่า ติดยึดลงไปบนเนื้อผ้า) ไม่ได้ลงไปซึมลึกในเนื้อผ้า

     ลักษณะเด่นของการสกรีนแบบ DFT

1. ลายสกรีน DFT นั้นสามารถยืดหยุ่นได้สูงตามเนื้อผ้า
2. สีสกรีนค่อนข้างตรง เพราะไม่มีสีของเนื้อวัสดุมาผสม
3. ฟิล์มที่สกรีนมาไม่แข็งกระด้าง สามารถเคลื่อนไหวได้ตามเนื้อผ้า
4. เป็นประเภทสกรีนที่ผสมสีได้เป็นหมื่นๆ สี โดยไม่ต้องทำบล็อค
5. สกรีนเสื้อจำนวนน้อยก็ทำได้
6. ราคาถูกกว่าเฟล็ก (Poly Flex) และวิธีอื่นอย่างมาก

     นอกจากนี้วิธีการสกรีนเสื้อ DFT ยังสามารถรีดติดได้บนวัสดุที่หลากหลาย รวมถึงวัสดุที่เป็นผิวโค้ง เช่น หมวก กระเป๋า กระเป๋าหนัง PU หมวกกันน็อค กระติกน้ำ และยังสามารถทำกับผ้าที่ทำสีด้วยระบบซับลิเมชั่นได้ ไม่ทำให้สีที่ทำงานซับลิเมชั่นหลุดแต่อย่างใด ที่สำคัญการสกรีนแบบ DFT นี้ การันตีความคงทนอยู่ที่ 30-50 การซัก

     DTG หรือ Direct To Garment

     รูปแบบการสกรีนดิจิตอลแบบ DTG นั้นจะเป็นการพิมพ์ลายโดยตรงลงบนเสื้อ โดยสกรีนรูปแบบนี้จะนิยมสกรีนลงบนเสื้อ กางเกง กระเป๋า ที่ทำการตัดเย็บเรียบร้อยมาแล้วมากกว่าเป็นชิ้นผ้า

     ขั้นตอนการผลิตนั้นจะเป็นน้ำหมึกพิกเมนต์ (Pigment) พิมพ์ลงบนเสื้อ โดยน้ำหมึกจะเริ่มจมยึดเข้าไปในเสื้อ หรือถ้านูนขึ้นมาก็ไม่มากเท่าไหร่ การสกรีน DTG สามารถทำได้ทั้งผ้าสีขาว สีอ่อน และ สีดำ หรือ สีเข้ม ส่วนใหญ่แล้วจะพิมพ์ลายทำกับผ้าใยธรรมชาติ เช่น คอตตอน (Cotton) ยีนส์ (Jeans) แต่จริงๆ แล้วก็สามารถทำบนผ้าใยสังเคราะห์ได้ โดยการเลือกน้ำยาพรีทรีทเมนท์ (Pre-Treatment) สำหรับผ้าโพลีเอสเตอร์

     ระบบ DTG สามารถผสมสีได้เป็น 10,000++ สี ในระบบดิจิตอล ซึ่งลบข้อจำกัดของงานสกรีนเสื้อแบบเก่าที่จำกัดสีแค่ 2-3 สีไปอย่างสิ้นเชิงเลย เป็นอันรู้กันว่าการทำจำนวนน้อยนั้นไม่คุ้มค่ากับการขึ้นบล็อคสกรีนด้วย แต่ในเครื่องสกรีน DTG นั้น ไม่ว่าจะทำจำนวนมากน้อยแค่ไหน หรือเพียงตัวเดียว ต้นทุนการพิมพ์ก็เท่ากันหมด อีกทั้งในปัจจุบันต้องขอบอกเลยว่าราคาของน้ำหมึก DTG นั้น ก็ถูกลงมาก เริ่มต้นเพียง 1 บาท จนถึงประมาณ 8 บาท ต่อ cc.

     ลักษณะเด่นของการสกรีนแบบ DTG

1. สกรีน DTG นั้นสามารถสกรีนได้หลายสี หมึกซึมไปในเส้นใยผ้า เหมาะกับการสกรีนลงบนเสื้อผ้าฝ้าย คอตตอน (Cotton) โดยเฉพาะ อีกทั้งยังสามารถพิมพ์ผ้าเข้มหรือผ้าดำได้ โดยมีกระบวนการเตรียมงานและเครื่องพิมพ์รองพื้นด้วยหมึกขาวก่อน ภาพสวย สกรีนคมชัด
2. รูปถ่ายหรือภาพเหมือนจริงก็สามารถสกรีนออกมาได้อย่างแนบเนียน และเป็นกระบวนการสกรีนเสื้อที่สกรีนภาพออกมาได้ดีที่สุดแล้วในปัจจุบันนี้
3. มีข้อจำกัดตรงที่พิมพ์ลงบนเนื้อผ้า Cotton 100% เท่านั้น และสกรีนบนเสื้อได้ทุกสี
4. พิมพ์งานจำนวนน้อยได้ โดยไม่ต้องอัดบล็อคสกรีน
5. ไม่ว่าลายสกรีนเสื้อจะสีเดียวหรือหลายสี ก็มีราคาเท่ากันหมด

      นอกจากนี้ระบบสกรีนดิจิตอล DTG นั้นยังเป็นระบบสกรีนที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากได้ภาพเสมือนจริงตามไฟล์ เช่น ภาพคน ภาพวิว มีความคมชัดมาก

      DTF หรือ Direct To Fabric

      รูปแบบการสกรีนของระบบ DTF จะเป็นการที่เครื่องพิมพ์ทำการปริ้นลายโดยตรงลงบนผ้าเลย ซึ่งหมายถึงผ้าม้วน ผ้าหลา ส่วนมากเครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะอยู่ในอุตสาหกรรมผ้าและสิ่งทอ เครื่องชนิดนี้มักใส่หมึก Re-Active, Acids หรือ Pigment ขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อผ้า และความต้องการของอุตสาหกรรมนั้นๆ

      ระบบการพิมพ์แบบ DTF กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกระบวนการพิมพ์ผ้ากำลังเปลี่ยนถ่ายจากระบบอนาล็อค (Analog) ซึ่งเป็นการ Screen Printing แบบ Flat-Bed หรือแบบ Rotary ก็ตาม มักจะต้องมีขั้นตอนการแยกสีต่างๆ เป็นแบบดิจิตอล (Digital) โดยใช้เครื่องพิมพ์เป็นตัวควบคุมสีในการพิมพ์สามารถสั่งผสมสีได้ตามต้องการ

      การพิมพ์ผ้าแบบระบบอนาล็อก และแบบโรตารี่นั้นเป็นการพิมพ์ผ้าแบบเดิม ที่กำลังเปลี่ยนเป็นระบบพิมผ้าแบบดิจิตอล หรือสิ่งที่เรียกว่า DTF

     ลักษณะเด่นของการสกรีนแบบ DTF

1. จำนวนในการพิมพ์ที่ไม่ต้องมีขั้นต่ำ เพราะการพิมพ์อนาล็อคต้องมีการขึ้นแพลท ขึ้นแบบ แยกสี ทำบล็อค ดังนั้นการทำจำนวนน้อย จึงทำไม่คุ้ม จึงมีขั้นต่ำในการพิมพ์ เช่น 10,000 หลา หรือ 50,000 หลา เป็นต้น แต่ด้วยระบบดิจิตอลซึ่งใช้เครื่องพิมพ์มาเป็นตัวสั่งพิมพ์นั้น ทำให้จำนวนน้อย แม้เพียง 1 หลา ก็พิมพ์ได้
2. ระบบการสกรีนแบบ DTF นั้น มักนิยมอยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงงานย้อมผ้า โรงงานสิ่งทอ เพราะกระบวนการผลิตนั้น ไม่ใช่เพียงการพิมพ์และจบในทันทีเท่านั้น กระบวนการเริ่มตั้งแต่ก่อนการพิมพ์ต้องทำการ Pre-Coating ผ้าที่จะพิมพ์ เมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว ต้อง Dryer ให้แห้ง และนำไป Steaming หรือการใช้เครื่องอบผ้าด้วยไอน้ำ ตบท้ายด้วยการ Washing สีส่วนเกินออก ทั้งหมดนี้ จึงต้องเป็นโรงงานที่มีกระบวนการเหล่านี้ในการรองรับงานพิมพ์แบบ DTF

      ระบบนี้ค่อนข้างใหม่ถ้าเทียบกับ 2 ระบบด้านบน โดยจุดเด่นที่สำคัญของการพิมพ์แบบ DTF นั้นคือไม่ใช่การพิมพ์ลงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป อย่างเช่น เสื้อ กางเกง แต่จะเป็นการพิมพ์ลงบนเนื้อผ้า หรือชิ้นผ้า ก่อนนำมาเย็บประกอบรวมร่างกันนั่นเอง

     ระบบสกรีนดิจิตอลมีถึง 3 แบบให้ท่านได้เลือกว่างานของตนเหมาะกับประเภทระบบสกรีนตัวไหน หรือมีความพึงใจในจุดเด่นของแบบไหนมากกว่าก็สามารถเลือกได้ดั่งใจนึก หวังว่าทางคิวท์บิกซ์จะช่วยให้ท่านได้ตัดสินใจเลือกแบบสกรีนที่ใช่ได้ง่ายขึ้น